'สมคิด' สั่งพาณิชย์จับตาสงครามการค้าสหรัฐ-จีน -ความผันผวนตลาดการเงินโลก หวังเตรียมพร้อมรับมือส่งออกปีหน้า ด้านพาณิชย์ระบุ มั่นใจปี 61-62 ส่งออกโตเกิน 8% เร่งรุกตลาดศักยภาพเพิ่มต่อเนื่อง

     นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในการประชุมอำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในวันนี้ว่า ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานเร่งสร้างโอกาสจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน โดยการเร่งหาตลาดใหม่ๆที่มีศักยภาพเข้ามาทดแทน ขณะที่ความผันผวนในตลาดการเงินโลกยังมีสูง ต้นทุนน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมเพื่อลดแรงกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น

     “ความผันผวนปีหน้ายังมีมหาศาลจากการเงินโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งที่ผ่านมาเราเห็นจากค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้น และเราไม่สามารถแทรกแซงหรือฝืนอะไรมากได้ ซึ่งที่ผ่านมาไทยเสี่ยงถูกกระทรวงการคลังสหรัฐขึ้นบัญชีประเทศเฝ้าระวังแทรกแซงค่าเงิน แต่ตอนนี้รอดพ้นมาได้แล้ว ขณะที่น้ำมันต้นทุนสูงมาก แม้จะได้หารือกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และกระทรวงพลังงานมาบ้างแล้ว แต่เชื่อว่ายังเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง”นายสมคิด กล่าว

       ทั้งนี้ ในการประชุม กระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานตัวเลขในที่ประชุมว่า ในปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกเติบโตได้ 8% หรือมีมูลค่า 255,565 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมั่นใจว่าจะได้เกินกว่าเป้าหมายแน่นอน หลังจาก 8 เดือนที่ผ่านมาการส่งออกขยายตัว 10% ขณะที่ปี 2562 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าการส่งออกไทยเติบโต 8% หรือมีมูลค่า 276,011 ล้านดอลลาร์ โดยยังมีปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา คือ เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ซึ่งมองว่ามีแนวโน้มจะขยายวงกว้าง ดังนั้นไทยจะต้องเร่งประเมินสินค้าแบบรายการที่อาจจะได้รับผลกระทบ รวมถึงหาโอกาสในสินค้าบางรายการที่จะเข้าไปค้าขายทดแทนทั้งสองประเทศได้

        สำหรับ ตลาดสหรัฐฯ ในปีนี้กำหนดเป้าหมายส่งออกเติบโต 7% และในปีหน้าคาดว่าจะขยายตัวได้ 6% เนื่องจากเป็นตลาดที่มีอำนาจซื้อสูง โดยกลยุทธ์ที่สำคัญจากนี้ คือ การเจาะตลาดใหม่และตลาดรองที่มีศักยภาพ เช่น ลาตินอเมริกา หมู่เกาะ Carribean เป็นต้น รวมถึงการส่งเสริมอาหารไทยและธุรกิจร้านอาหารไทย การสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ และการส่งเสริมแบรนด์ไทยในอนาคต

         ด้านตลาดจีนนั้น ในปีนี้ตั้งเป้าหมายการส่งออกของไทยที่ 10% และปีหน้าที่ 12% โดยมองว่าจากมาตรการกีดกันทางการค้าจะเป็นโอกาสในการขยายการส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยไปจีน เพื่อทดแทนการนำเข้าจากสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนและนักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในจีน โดยเฉพาะเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวันและฮ่องกงมีแนวโน้มมองหาช่องทางในการปรับ หรอื ขยายการผลิตการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของไทยเป็นอย่างมาก

        ขณะที่ภูมิภาคอาเซียน ในปีนี้ตั้งเป้าส่งออกเติบโต 6.6% และในปีหน้าที่ 8.3% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจขยายตัวดี การเปิดจุดผ่านแดนต่างๆเพิ่มขึ้น รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในหลายประเทศเพิ่มขึ้นจะเป็นโอกาสในการค้าและการลงทุนในอนาคต

      นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังมีนโยบายการส่งเสริมสินค้านวัตกรรททำให้เกิดสินค้าใหม่หลายรายการที่มีประสิทธิภาพในการแข่งขัน รวมถึงการออกกฎหมาย ข้อตกลงใหม่ๆกับไทยในหลายบประเทศ ซึ่งจะช่วยเอื้อต่อการค้าการลงทุนของไทย เช่น พม่า กัมพูชา เป็นต้น

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย