หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

PFธรธชช สงหรณรงคธร


PF หั่นเป้ารายได้ปีนี้เหลือ 2.06 หมื่นลบ.เลื่อนโอนที่ดิน-ยอดโอนคอนโดหด
         นาย ธีรธัชช์ สิงห์ณรงค์ธร ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มสนับสนุน บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) PF ให้ข้อมูลนักลงทุน ภายในงาน Opportunity Day ว่า ลดเป้ารายได้ปีนี้เหลือ 20,630 ล้านบาท หลังบุ๊ครายได้โอนที่ดินช้ากว่าคาด ยอดโอนคอนโดฯลดลง ลุ้นรายได้ไตรมาส 4/61 โตกว่าปีก่อน รับอานิสงส์เร่งโอนโครงการ
        บริษัทปรับประมาณการรายได้งวดปี 61 ลดลงเหลือ 20,630 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะทำได้ 24,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการบันทึกรายได้ของการโอนที่ดิน มูลค่า 1,100 ล้านบาท ให้กับบริษัทร่วมทุนช้ากว่ากำหนด จากเดิมที่คาดจะโอนได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากมาตรการทางบัญชี โดยจะทำให้บริษัทจะต้องมีการบันทึกรายได้จากการโอนในส่วนดังกล่าวในช่วงต้นปี 62 รวมถึงยอดโอนโครงการคอนโดมิเนียมที่ลดลง
แนวโน้มธุรกิจไตรมาส 4/61 จะเติบโตได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตกว่าไตรมาส 3/61 เป็นผลจากการรับรู้รายได้การเปิดตัวโรงแรม Hyatt Regency รวมถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการควบคุมธนาคารพาณิชย์ห้ามปล่อยกู้เกินมูลค่าหลักประกัน (LTV) จะส่งผลให้มีการเร่งทยอยโอนก่อนมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในปี 62
        ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ ในช่วงไตรมาส 4/61 อีกจำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท ดังนั้น จะทำให้ในปีนี้บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 18 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 18,350 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายที่รอโอน จำนวน 6,748 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ประมาณ 3,614 ล้านบาท
      วางงบลงทุนปี 62 ไว้ที่ 2,000-3,000 ล้านบาท ลดลงจากในปี 61 ที่ใช้งบลงทุนซื้อที่ดินประมาณ 4,000 ล้านบาท เนื่องจากส่วนใหญ่บริษัทมีที่ดินในมือแล้ว โดยจะเน้นการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจในปี 62 จะมีการแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงระหว่างเดือนม.ค.-ก.พ.62
      นอกจากนี้ บริษัทประเมินว่าอัตราหนี้สินต่อทุน (DE) จะลดต่ำลงกว่าระดับ 1.85 เท่า ด้วยการที่บริษัทจะเร่งดำเนินการเพิ่มรายได้ และจะทยอยรับรู้ผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการต่างๆ ซึ่งการใช้เงินลงทุนเป็นการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทน ตั้งเป้าจะมีสัดส่วนรายได้ประจำให้อยู่ที่ระดับ 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 15% ด้วยการพัฒนาโครงการประเภทโรงแรม ซึ่งคาดว่าในปี 2563 ธุรกิจโรงแรมจะมีรายได้ประจำเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่ และการเข้าซื้อโรงแรม ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้
       ยังคงเป้าหมายจะเป็นเจ้าตลาดในกลุ่มสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวระดับราคา 10 ล้านบาทต่อยูนิตขึ้นไป ภายใน 3 ปีจากนี้ ด้วยการที่เข้าดำเนินการร่วมทุนกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาโครงการ
      กรณีที่บริษัทถูกฟ้องร้องจากลูกบ้าน 261 ราย ซึ่งมีการเรียกค่าเสียหายประมาณ 2,600 ล้านบาท เกี่ยวกับเรื่องทางเข้าออกโครงการที่ต้องผ่านที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทยนั้น ขณะนี้ทางศาลฯได้ยกฟ้องคำร้องดังกล่าวของลูกบ้านแล้ว ดังนั้น จึงทำให้บริษัทไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสำรองค่าเสียหายแต่อย่างใด
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!