หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS7 16


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร 'บ. ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น' ที่ 'BBB-'แนวโน้ม 'Stable'

 

     ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ 'BBB-' โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แน่นอนจากโครงการโรงไฟฟ้าของบริษัท ซึ่งแต่ละโครงการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับหน่วยงานการไฟฟ้าภาครัฐ อันดับเครดิตยังคำนึงถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงไฟฟ้าของบริษัทด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนลงจากกลยุทธ์การลงทุนที่ค่อนข้างเสี่ยงของบริษัทและความเป็นไปได้ที่ระดับการก่อหนี้จะเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังได้รับแรงกดดันจากความเสี่ยงด้านการดำเนินงานของโครงการโรงไฟฟ้าที่บริษัทกำลังพัฒนาอยู่ด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

 

กระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้

     การคงอันดับเครดิตไว้ที่ระดับเดิมอยู่บนสมมติฐานของกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้จากโรงไฟฟ้าของบริษัท ปัจจุบันบริษัทมีโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วจำนวนมากกว่า 100 แห่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ปัจจุบันกำลังการผลิตรวมตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วอยู่ที่ประมาณ 780 เมกะวัตต์

     โรงไฟฟ้าทุกแห่งของบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับผู้ผลิตและผู้จ่ายกระแสไฟฟ้าที่เป็นหน่วยงานภาครัฐ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งได้รับการจัดอันดับที่ระดับ “AAA” จาก ทริสเรทติ้ง การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดังนั้น ความเสี่ยงในการไม่ได้รับชำระเงินจากผู้รับซื้อไฟฟ้าจึงอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มีความเสี่ยงด้านการดำเนินงานค่อนข้างต่ำ ทำให้ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นสามารถคาดการณ์ได้

 

ผลการดำเนินงานมีความแข็งแกร่ง

      โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทส่วนใหญ่เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2559 และมีผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ โดยนับตั้งแต่เริ่มดำเนินการผลิต ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ส่วนใหญ่ของบริษัทสูงกว่าปริมาณไฟฟ้าที่คาดว่าจะผลิตได้ตามความน่าจะเป็นที่ 75% (ระดับ P75) ส่งผลให้อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทรงตัวอยู๋ในระดับสูงกว่า 85%

     ในเดือนมิถุนายน 2561 โรงไฟฟ้าพลังงานขยะแห่งแรกของบริษัทกำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์เริ่มเปิดดำเนินการ โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวยังจำเป็นต้องมีการปรับตั้งให้เข้าที่ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในช่วงเริ่มต้น ผลการดำเนินงานในระยะยาวจึงยังต้องรอการพิสูจน์ต่อไป ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าโรงไฟฟ้าพลังงานขยะดังกล่าวจะเริ่มเข้าที่และสร้างอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้สูงกว่าระดับ 50% นับตั้งแต่ปีที่ 3 ของการดำเนินงาน

        การลงทุนของบริษัทในโครงการโรงไฟฟ้าเริ่มเห็นผลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยรายได้จากการดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนนับตั้งแต่ปี 2559 และเนื่องจากบริษัทขยายกิจการอย่างรวดเร็ว ทริสเรทติ้งจึงคาดว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงระดับ 8,000 ล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้าจากระดับประมาณ 5,500 ล้านบาทในปี 2561

       อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานรวม) เพิ่มขึ้นเป็น 89.1% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 จากที่ติดลบในปี 2557 และปี 2558 อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทน่าจะยังคงแข็งแกร่งต่อไปเมื่อพิจารณาถึงการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพของบริษัท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 75% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

 

ความเสี่ยงด้านการดำเนินงานจากโครงการโรงไฟฟ้าใหม่

       ทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทจะยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านการดำเนินงานเนื่องจากบริษัทมีโครงการจำนวนมากที่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ทั้งนี้ บริษัทกำลังขยายไปสู่พลังงานทดแทนประเภทอื่น ๆ อาทิพลังงานขยะที่มีความเสี่ยงด้านการดำเนินงานสูงกว่าโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บริษัทต้องจัดการกับความเสี่ยงด้านวัตถุดิบอันเนื่องมาจากความผันผวนของปริมาณและราคาของเชื้อเพลิง รวมถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการผลิตอีกด้วย ปัจจุบันบริษัทมีโรงไฟฟ้าพลังงานขยะในประเทศจำนวน 4 แห่ง กำลังการผลิตรวมตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าอยู่ที่ 32 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ นอกจากโรงไฟฟ้าขยะแห่งแรกขนาด 9 เมกะวัตต์แล้ว โครงการอีก 3 แห่งของบริษัทน่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า

       บริษัทยังมีความเสี่ยงในหลายด้านอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 236.72 เมกะวัตต์ที่ประเทศเวียดนาม ทริสเรทติ้งมองว่าการลงทุนในประเทศเวียดนามนั้นมีความเสี่ยงสูงกว่าโครงการในประเทศไทย โดยบริษัทต้องเผชิญความเสี่ยงในหลายด้าน เช่น ความเสี่ยงด้านประเทศ ความท้าทายในการบังคับใช้กฎหมาย ความล่าช้าของการก่อสร้าง และการเปลี่ยนแปลงอัตรารับซื้อไฟฟ้า โครงการในประเทศเวียดนามยังมีความเสี่ยงด้านคู่ค้าที่สูงกว่าด้วย โดยการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ที่ดำเนินการโดยภาครัฐถือเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าอย่างถูกต้องเพียงรายเดียวในประเทศ ในขณะที่มีสถานะด้านเครดิตต่ำกว่าผู้รับซื้อไฟฟ้าที่เป็นภาครัฐของประเทศไทย นอกจากนี้ พลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนามยังอยู่ในช่วงแรกของการพัฒนาอีกทั้งมีประวัติที่ค่อนข้างสั้นอีกด้วย

      ความเสี่ยงด้านการก่อสร้างของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทในประเทศเวียดนามถือเป็นปัจจัยท้าทาย โดยรัฐบาลเวียดนามให้การสนับสนุนผู้พัฒนาพลังงานทดแทนด้วยการเสนอรับซื้อไฟฟ้าแบบ Fit ที่หน่วยละ 9.35 เซ็นต์ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม อัตรารับซื้อไฟฟ้าดังกล่าวจะมีผลผูกพันกับโครงการที่เปิดดำเนินการภายในเดือนมิถุนายน 2562 ความล่าช้าของการก่อสร้างจึงอาจมีผลกระทบต่อความสำเร็จของโครงการได้ ขณะที่นโยบายอัตรารับซื้อไฟฟ้าของภาครัฐสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการหลังกำหนดดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงด้านการก่อสร้างอาจบรรเทาได้ด้วยข้อกำหนดของสัญญาก่อสร้าง

      นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 100 เมกะวัตต์ในประเทศเวียดนามซึ่งเป็นโครงการระยะแรกของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 700 เมกะวัตต์ที่บริษัทได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับผู้ร่วมทุนท้องถิ่นในปี 2560 โดยสรุปแล้วโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศเวียดนามต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 15,000 ล้านบาทตลอดช่วง 3 ปีข้างหน้า

 

กลยุทธ์การลงทุนค่อนข้างเสี่ยง

      อันดับเครดิตถูกลดทอนลงจากกลยุทธ์การลงทุนที่ค่อนข้างเสี่ยงของบริษัท โดยบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ปี 2558 จากการซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวนมาก ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงเติบโตต่อไปในช่วง 3 ปีข้างหน้าเมื่อพิจารณาถึงโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท กำลังการผลิตรวมตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 เมกะวัตต์ในอีก 3 ปีข้างหน้าจากปัจจุบันที่ 780 เมกะวัตต์ กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ในช่วง 5,000-7,000 ล้านบาทต่อปี

       ในด้านลบ การเติบโตอย่างมากของบริษัทจะทำให้บริษัทต้องเผชิญกับภาระหนี้จำนวนมาก โดยแผนการลงทุนที่ค่อนข้างเสี่ยงของบริษัทอาจลดทอนปริมาณกระแสเงินสดอิสระ ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินลงทุนต่อปีของบริษัทจะอยู่ในช่วง 10,000-14,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า การขยายตัวอย่างรวดเร็วจะทำให้บริษัทจำเป็นต้องเพิ่มกำลังคนและระบบในการควบคุมดูแลเพื่อให้ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ

 

ระดับการก่อหนี้จะเพิ่มสูงขึ้น

      อันดับเครดิตถูกลดทอนลงจากโครงสร้างเงินทุนที่มีหนี้จำนวนมากจากการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วของบริษัทนับตั้งแต่ปี 2557 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ 60.8% ณ เดือนกันยายน 2561 นอกจากนี้ ต้นทุนเงินกู้ยืมของบริษัทก็ยังสูงกว่าบริษัทส่วนใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและได้รับการจัดอันดับเครดิตโดย

      ทริสเรทติ้ง อีกด้วย ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงทำให้อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ของบริษัทลดต่ำลงแม้บริษัทจะมีประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ค่อนข้างสูงก็ตาม ส่งผลให้กำไรสุทธิมีความอ่อนไหวสูงต่อผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ซึ่งบริษัทจำเป็นต้องรักษาผลการดำเนินงานให้อยู่ในระดับสูงเพื่อให้มีกำไรสุทธิที่น่าพอใจ

       ระดับการก่อหนี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนเพิ่มเติม เพื่อลดภาระหนี้ลงบริษัทได้วางแผนจะจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บางส่วนให้แก่กองทุนดังกล่าว (118 เมกะวัตต์) อย่างไร

      ก็ดี เนื่องจากเงื่อนไขด้านเวลายังมีความไม่แน่นอนและภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย ทริสเรทติ้งจึงไม่รวมรายการดังกล่าวไว้ในสมมติฐาน อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทอาจเพิ่มขึ้นจนถึง 70% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าได้ อนึ่ง อัตราส่วนการก่อหนี้ดังกล่าวจะลดลงเล็กน้อยหากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานสามารถจัดตั้งได้เป็นผลสำเร็จ

      เนื่องจากระดับการก่อหนี้เพิ่มสูงขึ้น กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเมื่อเทียบกับภาระหนี้จะลดต่ำลง โดยภาระหนี้ในระดับสูงจะทำให้กำไรจากการดำเนินงานหลังหักดอกเบี้ยจ่ายลดต่ำลง ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้าอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายน่าจะลดลงต่ำกว่า 3 เท่า จาก 3.5 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินคาดว่าจะอยู่ในระดับ 10%-12% เมื่อเทียบกับ 12.8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561

 

สภาพคล่องยังจัดการได้

     ทริสเรทติ้ง เชื่อว่า บริษัทจะสามารถจัดการกับสภาพคล่องได้อย่างเหมาะสม โดยเงินทุนจากการดำเนินงานน่าจะเพียงพอที่จะรองรับภาระหนี้ระยะยาวที่จะครบกำหนดในแต่ละปีได้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า เงินทุนจากการดำเนินงานคาดว่าจะอยู่ที่ 3,500-4,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ต้องชำระคืนหนี้ระยะยาว 2,000-3,000 ล้านบาทต่อปี ณ เดือนกันยายน 2561 บริษัทมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้และเงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดรวมกันเกือบ 4,000 ล้านบาทสำหรับเป็นแหล่งเงินสดได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งจำนวนดังกล่าวน่าจะสามารถรองรับภาระหนี้ระยะสั้นจำนวนประมาณ 2,200 ล้านบาทได้ทั้งจำนวน

       บริษัทและบริษัทย่อยมีข้อกำหนดทางการเงินสำหรับวงเงินกู้ที่มีกับธนาคารและหุ้นกู้ โดยบริษัทต้องดำรงอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ไว้ไม่น้อยกว่า 1.2 เท่าและต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุนที่ไม่เกิน 3 เท่า ขณะที่บริษัทย่อยต้องดำรงอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ไว้ไม่น้อยกว่า 1.1 หรือ 1.2 เท่าและต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุนที่ไม่เกิน 2.5 หรือ 3 เท่า บริษัทสามารถปฏิบัติได้ตามข้อกำหนดดังกล่าวแต่บริษัทย่อยบางแห่งไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทย่อยจะได้รับการยกเว้นจากธนาคาร เนื่องจากเมื่ออิงจากงบการเงินรวมแล้วบริษัทมีแนวโน้มของผลการดำเนินงานที่ดี

 

สมมติฐานพื้นฐาน

•             กำลังการผลิตรวมตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 เมกะวัตต์ในอีก 3 ปีข้างหน้า

•             รายได้จากการดำเนินงานรวมจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงระดับ 8,000 ล้านบาท

•             อัตรากำไรจากการดำเนินงานจะยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 75%

•             เงินลงทุนจะอยู่ในช่วง 10,000-14,000 ล้านบาทต่อปี

 

แนวโน้มอันดับเครดิต

      แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่'สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าโครงการโรงไฟฟ้าของบริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจและสร้างกระแสเงินสดได้ตามที่วางแผนไว้ นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างได้ตามแผนและได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ และแม้ระดับการก่อหนี้จะเพิ่มขึ้น แต่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะยังคงต่ำกว่า 70%

 

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

     อันดับเครดิตของบริษัทอาจปรับเพิ่มขึ้นหากผลการดำเนินงานของบริษัทแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้และระดับการก่อหนี้ยังคงอยู่ที่ระดับเดิม ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลงได้หากผลการดำเนินงานของโครงการโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ต่ำกว่าที่คาดการณ์หรือเป้าหมายที่วางไว้ หรือโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากการที่บริษัทไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างเพียงพอ หรือมีการลงทุนโดยใช้เงินกู้มากเกินไป หรือมีต้นทุนในการก่อสร้างที่สูงกว่าคาด

 

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 31 ตุลาคม 2550

บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER)

อันดับเครดิตองค์กร:             BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต:           Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

         บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

        ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!