หมวดหมู่: สภาหอการค้าไทย

1.Indirect


แกนนำ 6 พรรคการเมือง ร่วมเวทีแสดงวิสัยทัศน์นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

     หอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทย เชิญ 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคชาติพัฒนา, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคพลังประชารัฐ, พรรคอนาคตใหม่, พรรคเพื่อไทย และ พรรคภูมิใจไทย มาตอบข้อซักถามเกี่ยวกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในเรื่องที่ประชาชนและภาคเอกชนให้ความสนใจ และอนาคตทางเศรษฐกิจเมืองไทยจะมีโฉมหน้าเป็นอย่างไร

 

*พรรคชาติพัฒนา ชูนโยบายพัฒนา 5G

      นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศว่า การทำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ประเทศต้องพัฒนาโครงข่าย 5G เนื่องจากเศรษฐกิจด้านเทคโนโลยี เพราะประเทศไทยเข้าสู่ยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมขั้นที่ 4 หากประเทศไทยปรับตัวตามไม่ทันจะแพ้ต่างชาติ เพราะเทคโนโลยีมีผลกระทบโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและค้าโดยตรง จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 5G ให้ได้ภายใน 2 ปี

     การพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ มีความสำคัญมากต่อการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เช่น ด้านการแพทย์หรือการศึกษาระหว่างคนจนกับคนรวย เช่น การเข้าถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ของคนจน ต่อไปประชาชนอาจไม่ต้องเดินทางไปรักษาพยาบาลด้วยตัวเองที่โรงพยาบาล แต่นำเทคโนโลยี 5G มาใช้เป็นเครื่องมือให้ประชาชนเข้าถึงทางการแพทย์

      ขณะที่การส่งเสริมการลงทุนในการเชิญนักลงทุนต่างชาติเข้ามาจะต้องเปลี่ยนวิธีการ ไม่ควรยึดระบบการประมูลหรือจัดซื้อจัดจ้างแบบเดิมๆ ที่ยึดเรื่อง ราคาและผลตอบแทนที่ภาครัฐจะได้รับเป็นตัวตั้ง แต่ควรปรับมุมมองใหม่ เน้น "Indirect Benefits" คือ ต้องให้ความสำคัญต่อผลตอบแทนทางอ้อมที่จะเกิดขึ้น สามารถลดช่องว่างระหว่างคนจนคนรวย เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน หรือเป็นประโยชน์ทางการศึกษา สาธารณสุข สังคมหรือสิ่งแวดล้อม เพราะที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าการประมูลโดยยึดผลตอบแทนด้านเม็ดเงินหรือรายได้เข้ารัฐไม่ประสบความสำเร็จด้านการพัฒนา

     นอกจากนี้ ต้องส่งเสริมภาครัฐ และเอกชน ให้ก้าวทันในการปรับตัวด้านไอทีอย่างจริงจัง โครงสร้างภาษีที่เกี่ยวข้องจากการนำเทคโนโลยีมาใช้ที่ตอบสนองด้านเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น รถยนต์ที่ผลิตออกมาแล้วหากลดผลกระทบด้านก๊าซเรือนกระจก หรือ โลกร้อน จะได้รับสิทธิ์พิเศษทางภาษีอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นสิทธิ์ประโยชน์ด้านการลงทุน หรือ ภาษี ต้องเน้นผลประโยชน์ทางอ้อม หรือ Indirect Benefits มากกว่าตัวเงิน

 

*พรรคประชาธิปัตย์ เร่งผลักดัน Connectivity สู่ศูนย์กลางของภูมิภาค

      นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรากำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ปีนี้เราจะเป็นประธานอาเซียน บทบาทของการเป็นประธานอาเซียนต้องเร่งผลักดันสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เริ่มต้นไว้ซึ่งเรียกว่า Connectivity เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง ทั้งระบบคมนาคม ถนน ราง การเชื่อมโยงด้านพลังงาน โทรคมนาคม

      นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้มีแต่พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) แต่เราต้องวางเป้าหมายให้ EEC เป็นพื้นที่จะดึงธุรกิจใหม่ที่สอดคล้องกับโลกอนาคต ไม่ว่าจะเป็นธุรกิที่อิงกับเทคโนโลยีในอนาคต ธุรกิจที่อิงกับพลังงานสะอาด แต่ประชาธิปัตย์จะมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบราง ถนน ท่าเรือ เพื่อที่จะดูว่าจะเปิดพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ๆ ได้อย่างไรและจะจัดตั้ง 12 มหานครทั่วประเทศเพื่อเป็นศูนย์กลางในการตอบโจทย์ เช่น ขอนแก่นจะเป็นศูนย์ที่รองรับการทำธุรกิจกับ CLMV ด้านตะวันออก และยังมีการเชื่อมโยงหากพม่าเปิดพื้นที่เข้ามาในเรื่อง East West Corridor ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องดำเนินการโดยคำนึงถึงเป้าหมายสุดท้ายคือประโยชน์ที่ประชาชนและธุรกิจจะได้รับมากกว่าที่จะลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น

 

*พรรคพลังประชารัฐ เน้นพัฒนาแรงงานตอบโจทย์ภาคเศรษฐกิจ

       นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ประเทศไทยถึงเวลาปรับเปลี่ยนปฏิรูปเศรษฐกิจแล้ว เรื่องของคนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เทคโนโลยีหาได้ มีเงินทุนก็ซื้อได้ แต่คน ต้องใช้เวลาพัฒนานี่คือประการแรก โดยแรงงานของเราต้องตอบโจทย์ให้ตรงจุดว่าประเทศไทยที่จะปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจนั้นต้องการบุคลากรอย่างไร แรงงานในกลุ่มต่างๆ ใน Sector ต่างๆ ของอุตสาหกรรมของภาคบริการและภาคการเกษตรควรมีคุณสมบัติ มีทักษะอย่างไร

      โดยแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ มุ่งเน้นการพัฒนาแรงงานให้ตอบโจทย์ภาคเศรษฐกิจที่กำลังปรับเปลี่ยนไปสู่เศรษฐกิจซึ่งในความเห็นของพรรคจะต้องขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ด้วยขีดความสามารถที่จะเพิ่มมูลค่าสูง ประเทศไทยจึงจะสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกและสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน

       ถ้าแรงงานของราตอบโจทย์แล้ว 1. ไทยสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้าได้ มีขีดความสามารถในการแข่งขัน 2. ไทยสามารถดึงดูดให้ต่างประเทศเข้ามาร่วมมือ เป็นหุ้นส่วน และลงทุนในประเทศได้

       "สิ่งที่เขาสนใจมาที่สุดคือประเทศไทยมีแรงงานรองรับในระยะยาวหรือไม่"นายอุตตม กล่าว

 

*พรรคอนาคตใหม่ เน้นการค้าต่างชาติ-แก้ผูกขาด

        นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า โจทย์หลักทางเศรษฐกิจของไทยมี 3 ข้อ คือ 1. ทำอย่างไรที่จะผลักดันให้ทุนใหญ่หรือยักษ์ใหญ่ในประเทศออกไปเติบโตเป็น Global หรือ Regional Player ได้ 2. ทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการไทยสามารถผนวกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการผลิตข้ามชาติได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ 3.ทำอย่างไรที่จะให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีเป็นของตัวเองได้

       ซึ่งพรรคอนาคตใหม่จะเสนอนโยบายให้มีการจัดการทุนผูกขาดอย่างจริงจังและชัดเจน โดยการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันอย่างจริงจัง ต้องตีความคำว่าอำนาจเหนือตลาดใหม่ เพราะปัญหาของกฎหมายการค้าเดิม คำว่าอำนาจเหนือตลาดแคบเกินไป อยู่ที่คำว่ามาร์เก็ตแชร์ การตีความคำว่าอำนาจเหนือตลาดให้เหมาะกับธุรกิจใหม่ๆ ให้ธุรกิจขนาดกลางและเล็กมีพื้นที่หายใจ และสามารถเติบโตได้

       นอกจากนี้ เรื่องขนส่งสาธารณะ โครงสร้างพื้นฐาน ไม่เพียงแต่เสนอให้เกิดการเลื่อนสู่ระบบราง จะยังเสนอให้มีรถเมล์ไฟฟ้า เรื่องรถไฟถ้าคิดจะมีแล้วยังคิดจะให้มีศักยภาพในการผลิตเองด้วย ยกเว้นระบบอาณัติสัญญาณที่ยังผลิตเองไม่ได้ แต่ในส่วนที่เทคโนโลยีไปถึงแล้ว ต้องมีการสนับสนุนผลักดันเพื่อเพิ่มมูลค่า

       รวมทั้งการจัดทำนโยบายอุตสาหกรรมใหม่ให้ทันโลก ประเทศไทยต้องเปลี่ยนกรอบคิดด้านอุตสาหกรรม โดยการประเมินใหม่ในแต่ละอุตสาหกรรม แต่ละ Sector อยู่ตรงจุดไหนในเครือข่ายการผลิตโลก และต้องการจะไปสู่จุดไหน นี่คือยุทธศาสตร์ที่เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสิงคโปร์ ใช้จนหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางมาแล้ว

 

*พรรคเพื่อไทย เล็งเพิ่มผลิตภาพ-ทุ่มงบ R&D

         นายโภคิน พลกุล กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้าจะทำให้การแข่งขันดีขึ้น ต้องมีการยกระดับผลิตภาพในแต่ละระดับ คนตัวใหญ่ไม่น่าห่วง แต่คนตัวเล็กลำบาก ผลิตภาพยุคนี้มีเทคโนโลยี มีวิธีการจัดการ มีวิธีการหาตลาด ที่สามารถเอาระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ที่สำคัญที่สุดคือเรื่อง R&D ซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 1% ของ GDP หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งเป้าเรื่อง R&D ไว้ว่าในอีก 7 ปีข้างหน้าจะเป็น 2% ผมว่าช้ามาก ต้องภายใน 4 ปีเท่านั้น และ Contribution ที่ให้กับระบบ R&D เป็นเอกชน 80% ประมาณ 120,000 ล้านบาท ภาครัฐ 20% หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้นต้องจัดงบประมาณใหม่ เอางบที่ไม่จำเป็น เช่น ซื้อรถถัง ซื้อเรือดำน้ำมาเติมให้ R&D

      "ตอนนี้เราเป็นประธานอาเซียน ไม่ใช่แค่ประชาคมอาเซียน จะไปรบกับใครไม่มีหรอกครับ เอาสิ่งนี้มาสร้างการแข่งขันให้แข็งแรงก่อน เมื่อแข็งแรงเราก็สามารถมีเงินไปทำอย่างอื่นได้"

 

*พรรคภูมิใจไทย ยืนยันทลายทุกข้อจำกัดของกฎหมาย เอื้อลงทุนคล่องตัว

      นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า แนวคิดของพรรคภูมิใจไทย คือ" ทลายทุกข้อจำกัด ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน เพื่อปากท้องพี่น้องประชาชน" กฎหมายทุกฉบับในประเทศไทยให้อำนาจรัฐมนตรีพิจารณา นี่คือต้นเหตุของการคอร์รัปชั่น เพราะขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชน คนที่มีอำนาจต้องการถืออำนาจในมือให้มากที่สุด เพราะจะได้บอกว่าอันนี้ทำได้ อันนั้นทำไม่ได้ คนเดือดร้อนคือประชาชน กฎหมายแต่ละอย่างหาความแน่นอนไม่ได้

      "พรรคภูมิใจไทยเข้ามาเมื่อไหร่จะใช้ระบบเช็คลิสต์ เราให้เกียรตินักลงทุน ให้ตรวจสอบตัวเอง พรรคภูมิใจไทยเข้ามาเที่ยวนี้ไม่มีการแสวงหาอำนาจใดๆ ทำอย่างเดียวคือทลายข้อจำกัดของกฎหมาย เพื่อให้การทำมาหากินของประชาชนต้องสะดวก"

          อินโฟเควสท์

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!