หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้
SET24
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์ตามตลาดตปท.จากคาดหวังสงครามการค้าดีขึ้น-จีนให้คำมั่นกระตุ้นเศรษฐกิจ
 
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นหลังจากที่ปรับตัวลงไปพอควรแล้ว ซึ่งก็น่าจะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างอยู่ในแดนบวกกัน หลังจากที่ตลาดสหรัฐฯ และตลาดในยุโรปปรับตัวขึ้น จากความคาดหวังสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะดีขึ้น อีกทั้งจีนก็ให้คำมั่นว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้คนเกิดความคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนออกมา
 
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังรอปัจจัยต่าง ๆ ให้มีความชัดเจน ซึ่งตลาดฯอาจฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะสั้นบ้าง โดยตลาดฯต่างรอติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 19-20 มี.ค.นี้ ตลาดฯคาดเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย, ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันที่ 20 มี.ค.นี้ ตลาดฯคาดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% และติดตามความคืบหน้าประเด็นการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 20 มี.ค.
 
ส่วนบ้านเราให้จับตาการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.ที่จะถึงนี้ โดยหลังการเลือกตั้งแล้วจะมีการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ซึ่งตลาดฯรอเรื่องนี้อยู่ และถ้าจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้ ตลาดฯก็จะปรับตัวขึ้น ดังนั้นในช่วงนี้ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์เพื่อรอดูความชัดเจนก่อน
 
พร้อมให้แนวรับ 1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,635 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,848.87 จุด เพิ่มขึ้น 138.93 จุด (+0.54%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,822.48 จุด เพิ่มขึ้น 14.00 จุด (+0.50%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,688.53 จุด เพิ่มขึ้น 57.62 จุด (+0.76%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 125.51 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.05 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 100.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 15.95 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.58 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.31 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.29 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 มี.ค.62) 1,625.57 จุด ลดลง 10.31 จุด (-0.63%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,350.25 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 มี.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 มี.ค.62) ปิดที่ 58.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.2%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 มี.ค.62) ที่ 4.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.65 มองกรอบวันนี้ 31.60-31.75 ตลาดจับตาทิศทางดอกเบี้ยจากกนง.-เฟด และการเลือกตั้งของไทย
- "คมนาคม" ชง ครม. อนุมัติแผนลงทุนรันเวย์ 3 สนามบินสุวรรณภูมิ และจัดหาฝูงบินเพิ่มอีก 38 ลำ วงเงิน 1.6 แสนล้าน ใน 1-2 เดือนนี้ เผยล่าสุด ทอท. ตัดงานแท็กซี่เวย์ หน้าเทอร์มินอล 2 ลดค่างานรันเวย์ 3 ลงกว่า 600 ล้านบาท ดันไทยเป็นฮับการบิน เพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสาร 58 ล้านคน ต่อปี
 
- ธปท.ห่วงภัยแล้งกระทบเศรษฐกิจ เร่งรัฐวางมาตรการช่วยเหลือ ด้านนักวิชาการหวั่นเงินเฟ้อปรับเพิ่มตามราคาสินค้าเกษตร
- "ประสาร" ชี้ดอกเบี้ยนโยบายไม่จำเป็นต้องรีบขึ้น หลังธนาคารกลางหลักของโลกส่งสัญญาณผ่อนคลาย ขณะนักเศรษฐศาสตร์ ประเมินประตูการขึ้นดอกเบี้ยเริ่มแคบลง เหตุหลายปัจจัยไม่เอื้อ แต่ยังเชื่อปลายปีมีโอกาสเห็นการขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง
 
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเดือน ก.พ.2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มาอยู่ที่ระดับ 45.7 จากเดิมที่ระดับ 45.5 ในเดือน ม.ค.2562 จากความกังวลที่ลดลงของครัวเรือนต่อประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากครัวเรือนบางส่วนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนไปในทิศทางที่ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ประกอบกับเพิ่งผ่านพ้นช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ครัวเรือนมีการใช้จ่ายค่อนข้างสูงในรายการพิเศษต่างๆ เช่น ท่องเที่ยว สังสรรค์ หรือเข้าวัดทำบุญ เป็นต้น จึงทำให้ครัวเรือนมีการใช้จ่ายน้อยลงในเดือน ก.พ.2562
 
- สศค. เปิดเผยผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจเดือน ธ.ค. 2561 พบว่า สถาบันการเงินเฉพาะกิจ 6 แห่ง มียอดสินเชื่อรวมอยู่ที่ 4.84 ล้านล้านบาท ขยายตัว 7.04% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และขยายตัว 0.8% จากเดือนก่อนหน้า  ด้านเงินรับฝากอยู่ที่ 4.92 ล้านล้านบาท ขยายตัว 5.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และขยายตัว 1.32% จากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ มีกำไรสุทธิ 60,983 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14.79%
 
- รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมดิจิทัล ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการรุ่นใหม่ มียื่นกับบีโอไอมากถึง 845 โครงการในช่วง 4 ปี (2558-61) สูงจากช่วง 4 ปีก่อน ที่มี 553 โครงการ และสูงสุดจากทุกประเภทกิจการ ที่บีโอไอให้สิทธิประโยชน์ แบ่งเป็นคำขอจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ 50% ต่อ 50% คิดเป็นมูลค่าคำขอ 25,370 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วง 4 ปี ที่มีมูลค่า 15,000 ล้านบาท
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- SAPPE (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 22 บาท แนวโน้มกำไร H1/62 โตดีเพราะเป็น High Season และเริ่มรับรู้ต้นทุนเม็ดพลาสติกใหม่ที่ถูกลงตั้งแต่ Q1/62 คาดกำไรทั้งปี +11% เป็น 380 ล้านบาท โดยสินค้าใหม่ B’LUE จะเริ่มวางขายใน Modern Trade ทั่วประเทศ 21 มี.ค. ช่วยเพิ่ม Economies of scale จากการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น
 
- EA (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 63 บาท คาดกำไรสุทธิ Q1/62 พุ่งทำ All time high ต่อเนื่องรับข่าวดีโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน 1 และ 8 กำลังการผลิตรวม 90MW เริ่ม COD ตั้งแต่ 25 ม.ค. นอกจากนี้ EA ยังได้รับการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของ FTSE รอบใหม่ในกลุ่ม Large cap
 
- PLAT (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 9.40 บาท แม้โครงการ เดอะ มาร์เก็ตฯ ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย อัตราเข้าเช่าและจำนวนลูกค้าน้อยกว่าคาด แต่คงประมาณการเดิม เนื่องจากยังใกล้เคียงกับคาดการณ์ของบริษัท  และคาดว่ากำไรจะเร่งตัวดีขึ้นใน H2/62 จากการเปิดตัว เดอะ มาร์เก็ตฯ อย่างเป็นทางการ โดยมีอัตราเข้าเช่าเพิ่มขึ้น และทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น อย่างไรก็ดี ในระยะสั้นคาดราคาหุ้นยังถูกกดดันจากโครงการ เดอะ มาร์เก็ตฯ ที่ต่ำกว่าเป้าหมาย
 
- GULF (เคทีบี) "ซื้อ"เป้าเชิงกลยุทธ์ 96 บาท ชอบกลยุทธ์การลงทุนของ GULF ใน 1-2 ปี ทั้งในธุรกิจพลังงานและโครงการสาธรญูปโภคจากภาครัฐ โดยเชื่อว่า GULF ไม่ใช่แค่หุ้นโรงไฟฟ้าแต่กำลังกลายเป็นหุ้นที่ทำธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานรายใหญ่ของไทย ด้วยการที่มีกระแสเงินสดล้นเหลือทำให้มีความพร้อมที่จะเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เป็นธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานของไทย อาทิ โครงการท่าเรือ และเข้าประมูลธุรกิจ LNG และ IPP รอบใหม่
-อินโฟเควสท์
 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!