หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
logo ace
บล.เออีซี : Daily Focus
 
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
•    วันนี้เราคาด SET Index ปรับลงต่อตามตลาดหุ้นโลก หลังแนวโน้มปัญหาสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนทวีความรุนแรงขึ้น ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1,645 – 1,666 จุด  
•    Market Factor
•    (-) ค่าเงินหยวนจีนอ่อนค่าในรอบ 11 ปีปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 7.05 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนกังวลว่าจีนอาจตอบโต้สหรัฐฯด้วยการปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าหลังสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 10% มูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ก.ย. 2562
•    (-) สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ Brent วานนี้ปรับลง 1.7%DoD และ 3.4%DoD จากผลกระทบสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
•    (+) รมว.คลัง ร่วมวางแผนทุกหน่วยงานในสังกัด เตรียมออกแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจภายในเดือน ส.ค. นี้เพื่อลุ้นเศรษฐกิจปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้เกิน 3% เน้นช่วยเหลือทุกกลุ่มตั้งแต่ระดับฐานราก เกษตรกร SME รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภาพรวม (อินโฟเควสท์)
•    (0) BOI เผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุน 1H62 (ม.ค.-มิ.ย.) มียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม  ทั้งสิ้น 758 โครงการ เพิ่มขึ้นจาก 707 โครงการปีก่อน ขณะที่มีมูลค่าการลงทุนรวม 232,610 ลบ. ลดลง 17% YoY สำหรับการลงทุนโดยตรงจาก ตปท. (FDI) 1H62 มีมูลค่าการลงทุนรวม 147,169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109%YoY (ประชาชาติธุรกิจ)
•    (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 104.22 บาท หรือลดลง 9.48% Year To Date
•         Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2,653.11 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิรวม 8,002.30 ลบ. 
•    Investment Strategy
•    สัปดาห์นี้เราประเมินดัชนี SET Index แกว่งลง 1,630-1,680 จุด โดยนักลงทุนอยู่ระหว่างติดตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนช่วง 2Q62 บวกกับติดตามผลการประชุมกนง.ในวันที่ 7 ส.ค. (ตลาดคาดคงดอกเบี้ย 1.75%) ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศในประเด็น Trade wars สหรัฐฯ-จีนรุนแรงขึ้นอีกครั้งหลังจีนลดการแทรกแซงค่าเงินหยวน อย่างไรก็ดีในช่วงสั้นเรายังแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง และคาดมีแรงขายในช่วงที่ตัวเลข ศก. ทั่วโลกอ่อนแอ และมาตรการกระตุ้น ศก. ใหม่ๆ ในต่างประเทศยังไม่มีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ และลงทุนในหุ้นหลักเพียง 3 กลุ่ม ดังนี้ 
•    หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯ: จากภาวะ ศก.ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะภาคการบริโภคและการลงทุนของเอกชนทำให้เรามองว่า ครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการวานนี้มีโอกาสสูงที่จะเร่งออกนโยบายกระตุ้น ศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุงศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวที่ยังมี Upside น่าสนใจ ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (ช่วง 2Q62 คาดโต5.4%YoY ด้วยงานก่อสร้างที่รับรู้สูงกว่าปีก่อนเราปรับเพิ่มประมาณการหลังได้รับงานใหม่ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท) และ DCC (คาดปี 62 โต YoY หนุนด้วยกำลังผลิต และต้นทุนกระเบื้อง    ดีขึ้นจาก Economy of scale หลังเข้าบริหารและถือหุ้น RCI อีกทั้งตั้งเป้าขยายสาขาปีนี้เพิ่มอีก 5 สาขาพร้อมปรับ Business  Model แบ่งพื้นที่สาขาให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเช่าเพื่อเพิ่มช่องทางรับรู้ รายได้แก่บริษัท นอกจากนี้ยังซื้อขายที่ PER15.2X ถูกกว่าทั้ง GLOBAL และ HMPRO)
•    กลุ่ม Defensive Stock: ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (คาดผลดำเนินงานมีโตต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง2Q62 หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯ ที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.) และ LH (คาดได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่จำกัดเนื่องจากมีสัดส่วนโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดราว 2-3 เท่าบวกกับมีกำไรจากการลงทุนในHMPRO, QH และ LHFG ที่โตต่อเนื่อง หนุนคาดผลการดำเนินทั้งปีโต YoY และคาดมีการจ่าย     ปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานช่วง 1H62 คิดเป็น 3.2-3.6% ต่อปี)
•    กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoY และช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% พร้อมแผนเปิดสาขาใหม่อีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร) และ SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรสุทธิหลังเริ่มรวมงบการเงินกับPMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นตามลำดับทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจมากเช่นปีก่อน)
 
    5-Aug-19    Change (pts.)    2-Aug-19
SET Index    1,665.99    -18.72    1,684.71
SET50 Index    1,098.46    -14.71    1,113.17
SET100 Index    2,430.30    -31.73    2,462.03
 
High    1,681.36    Gainers    396
Low    1,664.73    Unchanged    380
Value (Bt m)    48,470.80    Losers   1,166
Volume (*000)    18,226,975          
 
Market Valuation
SET Data    2018F    2019F    Long Term
Fwd PER (x)    16.5    15.1    15.1
EPS Growth (%)    13.9    9.3    3.0
EV/EBITDA (x)    11.1    10.2    9.8
FWD PBV (x)    1.9    1.8    1.7
Dividend Yield (%)    3.0    3.3    3.5
ROE    11.2    11.4    11.3
 
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    5-Aug-19    WTD    MTD    YTD
Institution    (1,312.72)    (1,312.72)    (4,046.01)    (7,223.20)
Proprietary    244.03    244.03    (707.33)    17,829.62
Foreign     (2,653.11)    (2,653.11)    (8,002.29)    52,700.50
Individual    3,721.80    3,721.80    12,755.64    (63,306.92)
 
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
 
จิรภัทร  โบสุวรรณ (ID. 040051)    This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ตฤณ  สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364)    This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    Data Support / Secretary
 
 
 
 
 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!